แหล่งกินเที่ยวในสุราษฎร์อร่อยๆ
-
ร้าน ลำภูซีฟูด
-
ร้าน ข้าวต้มโกดำ
-
ร้าน ตลาดศาลเจ้า ตลาดนัดช่วงเย็น
-
ถนนคนเดิน ริมน้ำ(ฉะเพาะวันเสาร์)
-
ตลาดนัดริมน้ำ (ฉะเพาะวันอาทิตย์)
-
ร้าน เชย 4 แยก ศาลหลักเมือง
-
ร้านเคียงเล กาญจนดิษ
-
ครัวเรือนทอง ก่อนถึงสามแยกเข้าดอนสัก
-
ร้านข้าวต้มเศรษฐีไกล้ๆโรงแรมไดมอน
-
ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาหน้าโคโลเซียม
สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ
ลิงค์ข่าว
กิจกรรม และ เทศกาลในสุราษฎร์
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
มักจะเรียกกันด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า "สุราษฎร์" ใช้อักษรย่อ "สฎ" เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ และมีประชากรหนาแน่นอันดับ 64 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีหลักฐานทั้งประวัติศาสตร์และโบราณคดีเก่าแก่ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีสภาพภูมิประเทศที่หลายหลายทั้งที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขา รวมทั้งที่ราบชายฝั่ง มีพื้นที่ครอบคลุมถึงในบริเวณอ่าวไทย ทั้งบริเวณที่เป็นทะเลและเป็นเกาะ เกาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เกาะขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักเช่นเกาะสมุย เกาะพะงัน และหมู่เกาะอ่างทอง เนื่องจากทำเลที่ตั้งจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดบริเวณทะเลอันดามันบ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากจะมีแนวเทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาภูเก็ต และเทือกเขานครศรีธรรมราช แถบบริเวณจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแนวช่วยลดอิทธิพลของลมมรสุมดังกล่าว ในทางกลับกันพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมกราคม
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรเป็นหลัก โดยใช้พิ้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 45 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ ประมง อุตสาหกรรม รวมทั้งมีการทำเหมืองแร่ด้วย
ส่วนการเดินทางมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานีสามารถใช้ได้หลายเส้นทาง ทั้งทางรถไฟ เครื่องบิน รถโดยสารประจำทาง เรือ และรถยนต์ส่วนบุคคล
สถานที่สำคัญภายในจังหวัดนั้น มีทั้งแหล่งโบราณสถาน เช่น พระบรมธาตุไชยา พระธาตุศรีสุราษฎร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรศรีวิชัย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติทั้งอุทยานแห่งชาติทางบก และอุทยานแห่งชาติทางทะเล น้ำตก เกาะ แม่น้ำ เขื่อน วัด และพระอารามหลวง เป็นต้นและยังเป็นแหล่งสืบสานประเพณีที่สำคัญของชาวใต้ คือประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลิตผล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เป็นที่รู้จัก เช่น ไข่เค็มไชยา หอยนางรม และเงาะโรงเรียน ดังที่ปรากฏในคำขวัญของจังหวัด
ประวัติศาสตร์
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า เป็นศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัย มีหลักฐานแสดงถึงการตั้งรกรากและเส้นทางสายไหมในอดีต พื้นที่อ่าวบ้านดอนเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธศตวรรษที่ 13 โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความรุ่งเรืองในอดีต ภายหลังยังเชื่อว่า เมื่ออาณาจักรตามพรลิงก์หรือเมืองนครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น เมืองไชยาก็เป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชด้วย ชื่อว่า "เมืองบันไทยสมอ"
นอกจากนี้ในยุคใกล้เคียงกันนั้นยังพบความเจริญของเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำตาปี ได้แก่ เมืองเวียงสระ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองท่าทอง โดยเชื่อว่าเจ้าศรีธรรมาโศก ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้นอพยพย้ายเมืองมาจากเมืองเวียงสระ เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล รวมทั้งเกิดโรคภัยระบาด และเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองนั้น ได้ยกเมืองไชยา และเมืองท่าทอง เป็นเมืองสิบสองนักษัตรของตนด้วย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งอู่เรื่อพระที่นั่งและเรือรบเพื่อใช้ในราชการที่อ่าวบ้านดอน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ย้ายที่ตั้งเมืองท่าทองมายังอ่าวบ้านดอน (ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีในปัจจุบัน) พร้อมทั้งยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และพระราชทานชื่อว่า "เมืองกาญจนดิษฐ์" โดยแต่งตั้งให้พระยากาญจนดิษฐ์บดีเป็นเจ้าเมืองดูแลการปกครอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองไชยาเป็นเมืองเดียวกัน เรียกว่า "เมืองไชยา" ภายใต้สังกัดมณฑลชุมพร
เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนการปกครองและขยายเมืองออกไป มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ อ่าวบ้านดอน ให้ชื่อเมืองใหม่ว่า อำเภอไชยา และให้ชื่อเมื่องเก่าว่า "อำเภอพุมเรียง" แต่เนื่องด้วยประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชทานนามเมืองใหม่ที่บ้านดอนว่า "สุราษฎร์ธานี" และให้ชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" และทรงพระราชทานนามแม่น้ำตาปี ให้ในคราวเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในประเทศอินเดียที่มีแม่น้ำตาปติไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่เมืองสุรัฎร์
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ และอันดับ 1 ของภาคใต้ โดยมีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้
-
ด้านเหนือ ติดกับจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร และอ่าวไทย
-
ด้านใต้ ติดกับจังหวัดกระบี่และจังหวัดนครศรีธรรมราช
-
ด้านตะวันออก ติดกับจังหวัดนครศรีธรรมราชและอ่าวไทย
-
ด้านตะวันตก ติดกับจังหวัดพังงา
โดยทะเลฝั่งอ่าวไทยนั้นมีชายฝั่งยาวประมาณ 156 กิโลเมตร โดยมีเกาะที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของจังหวัดฯ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และหมู่เกาะอ่างทอและยังมีเกาะน้อยใหญ่อีกมากมาย จึงได้ชื่อว่าเมืองร้อยเกาะ เช่นเกาะนางยวน
ภูมิประเทศและภูมิอากาศ
จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย ได้แก่ ภูมิประเทศแบบที่ราบชายฝั่งทะเล ที่ราบสูง รวมทั้งภูมิประเทศแบบภูเขาซึ่งกินพื้นที่ของจังหวัดถึงร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีทิวเขาภูเก็ตทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ของจังหวัด และมีลุ่มน้ำที่สำคัญ คือ ลุ่มน้ำตาปี ไชยา ท่าทอง เป็นต้น
ด้านตะวันออกเป็นฝั่งทะเลอ่าวไทย และมีเกาะน้อยใหญ่ที่มีประชากรอาศัย ส่วนด้านตะวันตกมีลักษณะเป็นภูเขาสูง มีแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำตาปี
เนื่องจากทำเลที่ตั้งรวมถึงภูมิประเทศ จังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย ดังนั้น จึงทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนยาวนานมาก โดยกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมกราคม โดยจังหวัดสุราษฏร์ธานีมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21.16 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34.51 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 129.59 มิลลิเมตร
หน่วยการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดสุราษฎร์ธานีแบ่งการปกครองออกเป็น 19 อำเภอ 131 ตำบล 1,028 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอดังนี้
|
|
ประชากร
ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด ได้แก่ ชนพื้นเมืองนิกริโต ต่อมาเมื่อมีการติดต่อค้าขายกับภายนอกมากขึ้น ก็ทำให้ชาวต่างชาติมาตั้งรกรากอยู่ที่สุราษฎร์ธานีมากขึ้น เช่น ชาวจีน ชาวมาเลย์ ชาวญวน จึงเกิดการผสมผสานสายเลือดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนและญวนมักจะตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในชุมชนเมือง ในขณะที่ชาวไทยมุสลิมและอินเดีย มักอาศัยอยู่ในชนบท และตามชายฝั่งทะเล
ศาสนา
ในอดีตจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับอิทธิพลการนับถือศาสนาพราหมณ์และพุทธจากประเทศอินเดีย แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเผยแพร่เข้ามาเมื่อใด โดยในปัจจุบัน ประชากรของจังหวัดสุราษฎร์ธานีนับถือศาสนาพุทธ ประมาณ 97.5% ศาสนาอิสลามประมาณ 2% และศาสนาคริสต์ประมาณ 0.5%
การคมนาคม
ระยะทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
-
จังหวัดชุมพร 192 กิโลเมตร
-
จังหวัดระนอง 219 กิโลเมตร
-
จังหวัดนครศรีธรรมราช 139 กิโลเมตร
-
จังหวัดพังงา 196 กิโลเมตร
ทางรถไฟ
ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถใช้บริการรถไฟได้จากสถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีรถไฟบางซื่อ สถานีรถไฟบางบำหรุ มีบริการเดินรถทุกวัน ระยะทาง 650 กิโลเมตร ผู้โดยสารต้องไปลงที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี(อยู่ที่อำเภอพุนพิน) ซึ่งใช้เวลาเดินทางปกติไม่เกิน 9 ชั่วโมง แล้วโดยสารรถประจำทาง หรือรถรับจ้างส่วนบุคคล ประชาชนแถวสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี จะเรียกว่า รถแท็กซี่ (เป็นรถป้ายดำ สีรถยนต์เหมือนกับรถนั่งส่วนบุคคล มีการจัดการคล้ายรถจักรยานยนต์รับจ้าง) เข้าตัวจังหวัด ระยะทาง 12 กิโลเมตร บริเวณสถานีรถไฟ หากเดินเลี้ยวซ้ายออกมา จะมีจุดบริการประชาชนของตำรวจ ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอยู่ในบริเวณนั้น และสามารถตรวจสอบตารางการเดินรถไฟได้จาก การรถไฟแห่งประเทศไทย
ทางรถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดบริการเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานีทุกวัน ใช้เวลาเดินทางปกติไม่เกิน 8 ชั่วโมง รถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี จุดเด่นของการโดยสารโดยรถประจำทางคือ สามารถเดินทางได้ถึงสถานีขนส่งจังหวัดสุราษฏร์ธานี แล้วสามารถใช้บริการรถสองแถวเข้าไปตัวเมืองอีกเล็กน้อยและยังมีบริษัทเดินรถเอกชนอีกหลายรายที่ให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการรถโดยสารปรับอากาศกรุงเทพฯ-เกาะสมุย และกรุงเทพฯ-เกาะพะงันอีกด้วย
ทางรถยนต์ส่วนบุคคล
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร แล้วตรงเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณแยกปฐมพร (จังหวัดชุมพร) ผ่านรอยต่อระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับ จังหวัดชุมพรที่อำเภอหลังสวนและอำเภอท่าชนะ เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านสหกรณ์สุราษฏร์ธานี (Co-Op) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 401 ผ่านอำเภอพุนพินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีเข้าสู่ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี รวมระยะทางประมาณ 685 กิโลเมตร
ทางอากาศยาน
การเดินทางระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีและกรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางจากท่าอากาศยาน 4 แห่ง 4 เส้นทางคือ
-
เส้นทางแรก
เส้นทางระหว่างท่าอากาศยาน กรุงเทพ (ดอนเมือง) - สุราษฎร์ธานี -กรุงเทพ (ดอนเมือง) เฉพาะสายการบิน วัน-ทู-โก
-
เส้นทางที่สอง
เส้นทางระหว่างท่าอากาศยาน กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) - สุราษฎร์ธานี -กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) การบินไทยการบินไทย และ แอร์เอเชีย
-
เส้นทางที่สาม
เส้นทางระหว่างท่าอากาศยาน กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) - สุราษฎร์ธานี (สมุย) -กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) เฉพาะสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ให้บริการบินไปกลับสมุย-กรุงเทพฯ
-
เส้นทางที่สี่
เส้นทางระหว่างท่าอากาศยานอู่ตะเภา (พัทยา) -สมุย-อู่ตะเภา (พัทยา) เฉพาะสายการบินบางกอกแอร์เวยส์
ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดสุราษฏร์ธานีอยู่ในพื้นที่กองบิน 7 กองทัพอากาศ อำเภอพุนพิน ระยะทางห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 25 กิโลเมตร มีรถโดยสารบริการรับส่งระหว่างสนามบินและตัวเมืองในทุกเที่ยวบิน ไม่มีรถรับจ้าง (แท็กซี่ สามล้อ) หากจะเดินทางไปอำเภออื่น ๆ โดยรถโดยสารประจำทางจะต้องกลับเข้าตัวเมืองเสียก่อนถึงจะสะดวก บางครั้งหากต้องการไปจังหวัดชุมพรหรือจังหวัดระนองแบบไม่ต้องเดินทางเข้าตัวอำเภอเมืองฯ อาจจะพยายามหาวิธีเดินทางออกจากสนามบิน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร มายังถนนหลวงหมายเลข 41 รอรถโดยสารประจำทางบริเวณทางเข้าสนามบินได้เลย (ไม่มีป้ายหยุดรถประจำทางบริเวณนั้น และไม่ต้องข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม) แต่หากต้องการไปเกาะสมุยสามารถขึ้นรถโดยสารปรับอากาศที่บริการรับส่งตั้งแต่สนามบินไปยังเกาะสมุยได้ โดยจะมีรถโดยสารมารับทุกเที่ยวบินหรืออาจจะพักท่องเที่ยวในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีเสียก่อนก่อนแล้วไปยังท่าเรือต่อไป
ทางเรือ
ปัจจุบัน มีบริษัทเดินเรือให้บริการเดินเรือด่วน จากพัทยาตรงมายังเกาะสมุย การเดินทางโดยวิธีนี้เป็นการเดินทางเชิงท่องเที่ยวเสียมากกว่า เพราะไม่สะดวกและไม่รวดเร็ว ภายในจังหวัดฯ ยังมีท่าเทียบเรือ อ.ดอนสัก ซึ่งมีบริการเรือโดยสารขนาดใหญ่เส้นทางระหว่าง อ.เกาะสมุยและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่าเทียบเรือ อ.เกาะสมุย ซึ่งบริการเรือโดยสารทั้งขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เส้นทางระหว่างอ.เมือง อ.ดอนสัก อ.เกาะพะงัน หมู่เกาะอ่างทอง เกาะนางยวน
ที่มา
http://www.thaibizcenter.com/province.asp?provid=65
